วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

เนื้อหา Web Design

การออกแบบเว็บไซต์ให้กับสิ่งแวดล้อม 
*  ผู้ใช้แต่ละละคนมีสภาวะแวดล้อมทางเทคนิคแตกต่างกันไป  ตั้งแต่ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์  เบราเซอร์ที่ใช้  ความละเอียดของหน้าจอ   และอื่นๆอีกมากมาย*  เราจะออกแบบอย่างไรถึงจะเข้าได้กับสภาพแวดล้อมของผู้ใช้ทุกคน  เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าชมเว็บได้อย่างราบรื่นปราศจากปัญหา               
*
ปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องกับการท่องเว็บไซต์
  • เบราเซอร์ที่ใช้
- เบราเซอร์  คือ โปรแกรมที่ใช้เรียกดูเว็บเพจ  โดยสามารถแสดงผลได้ทั้งรูปแบบตัวอักษรรูปภาพ และภาพเคลื่อนไหว
- มีเบราเซอร์หลายชนิดที่ได้รับความนิยม เช่น 
       * Internet  Explorer
        * Netscape  Navigator
      * Opera          
      * Mozilla       
         * Firefox
- ในอดีตมีการแข่งขันของเว็บเบราเซอร์สูง  แต่ละผู้ผลิตต่างพัฒนาคุณสมบัติใหม่ๆ ให้กับเบราเซอร์ของตัวเอง        
        * <layer> ใช้ได้เฉพาะกับ  Netscpe Navigator4          
      * <marquee> ใช้ได้เฉพาะกับ IE เท่านั้น
- ปัจจุบันคนส่วนใหญ่นิยมใช้งาน IE ทำให้ผู้พัฒนาเว็บมีความสะดวกขึ้น  แต่ก็ยังพบปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่าง version ของ IE ที่สนับสนุนคุณสมบัติแตกต่างกัน- การออกแบบเว็บไซต์ตามคุณสมบัติของเบราเซอร์         
       * เว็บไซต์สำหรับเบราเซอร์ทุกรุ่น       
         * เว็บไซต์สำหรับเบราเซอร์รุ่นล่าสุด          
      * เว็บไซต์ตามความสามารถของเบราเซอร์          
      * เว็บไซต์ที่มีหลายรูปแบบ
  • ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์ ( Operating System )
-ระบบปฏิบัติการเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานของเบราเซอร์มาก  โดยแต่ละระบบปฏิบัติการจะมีความแตกต่างกันในทุกเรื่องของชนิดและรุ่นของเบราเซอร์ที่ใช้ได้ , ระดับความละเอียดของหน้าจอ, ชุดสีของระบบและชนิดของตัวอักษรที่มาพร้อมกับระบบ  เป็นต้น               
                 * การแสดงผลของ  windows จะมีขนาดใหญ่กว่า Mac เล็กน้อย                  
              * ความสว่างของหน้าจอบน Mac  จะมากกว่า Windows และ Unix         
       - ดังนั้นในการออกแบบเว็บเพจ  ควรอ้างอิงกับกลุ่มผู้ใช้ส่วนใหญ่ของเว็บนั้น         
       - ขนาดของจอมอนิเตอร์มีหลายขนาด  เช่น  15,17”,21”  และอื่นๆ           
     - ความละเอียดของหน้าจอ ( monitor resolution ) มีหน่วยความจำเป็น  Pixel         
       * ความละเอียด 640*480 หมายถึง  หน้าจอมีพิกเซลเรียงตัวตามแนนนอน  640  พิกเซล  และตามแนวตั้ง  480 พิกเซล- ความละเอียดของหน้าจอจะไม่ขึ้นกับขนาดของมอนิเตอร์ที่ใช้  แต่จะขึ้นกับประสิทธิภาพของการ์ด แสดงผลว่าสามารถทำได้ละเอียดแค่ไหน
  • ความละเอียดของหน้าจอ
- ข้อมูลในการตัดสินใจ                        
                * กรณีที่ 1 ออกแบบไว้ที่ความละเอียด  800*600                    
               * กรณีที่ 2 ออกแบบไว้ที่ความละเอียด  640*480                        
                * กรณีที่ 3 ออกแบบไว้ที่ความละเอียด  1024*768                     
   - สรุป                                   
     * กรณีที่ 1 ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะเห็นหน้าเว็บที่สมบูรณ์                             
     * กรณีที่ 2 ผู้ใช้ทุกคนจะได้เห็นเนื้อหาทั้งหมดในหน้าจอ                             
      * กรณีที่ 3 ผู้ใช้จำนวนน้อยที่สามารถดูเนื้อหาได้อย่างเหมาะสม                   
     - Tip & Trick ในการออกแบบ                            
    * ออกแบบโดยใช้รายละเอียด  800*600 แต่ควรจัดวางองค์ประกอบสำคัญ  เช่น  ระบบเนวิเกชัน  ไว้ในส่วนพื้นที่   640*480                           
     * ควรทดสอบการแสดงผลหน้าเว็บที่ความละเอียดต่างๆก่อนจะเปิดใช้งานจริง
  • จำนวนสีที่จอของผู้ใช้สามารถแสดงได้
- มอนิเตอร์มีสามารถแสดงสีที่แตกต่างกัน  ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของการ์ดจอ ( video card )
- จำนวนหน่วยความจำในการ์ดจอ ( video memory ) ที่มากขึ้นจำทำให้สามารถแสดงสีได้มากขึ้น
- จำนวนสีที่การ์ดจอสามารถได้นั้น  ขึ้นอยู่กับค่าความละเอียดของสีที่เรียกว่า bit depth หรือ color depth ซึ่งก็คือจำนวนบิตที่ใช้ในการเก็บข้อมูลแต่ละพิเซล
- ตารางแสดงระดับความละเอียดของสีกับจำนวนสีสูงสุดที่สามารถแสดงได้
- ชุดสีสำหรับเว็บ ( Web Palette ) หมายถึง ชุดสีจำนวน  216  สีที่มีอยู่เหมือนกันในระบบปฏิบัติการ  Windows  และ  Mac- ปัจจุบัน Web Palette มีความสำคัญลดน้อยลง  เนื่องจากจอของผู้ใช้สามารถแสดงสีได้มากขึ้น  แต่ใน  tool ต่างๆ เช่น Dreamweaver  ก็ยังเห็นชุดสีเหล่านี้ปรากฏอยู่
  • ชนิดของตัวอักษรที่มีอยู่ในเครื่องของผู้ใช้
- เบราเซอร์จะแสดงฟอนต์ที่กำหนดไว้ในเว็บเพจได้ก็ต่อเมื่อคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นมีฟอนต์เหล่านั้นติดตั้งอยู่ในเครื่อง
- การตรวจสอบว่าในเครื่องคอมพิวเตอร์มีฟอนต์อะไรบ้างทำได้โดยเข้าไปในโฟลเดอร์ C://Windows\Fonts- MS Sans Serif  VS Microsoft Sans Serif             
   * MS Sans Serif  เป็นฟอนต์แบบบิตแมพ ( bitmapped font ) ที่ออกแบบขึ้นจากจุดของพิกเซล  โดยมีการออกแบบแต่ละตัวอักษรไว้เป็นขนาดที่แน่นอน             
   * Microsoft Sans Serif เป็นฟอนต์ที่มีโครงสร้างของอักขระเป็นแบบเวคเตอร์หรือลายเส้น ( vector font ) โดยมีการออกแบบเอาท์ไลน์ไว้เพียงแบบเดียว  แต่สามารถปรับขนาดได้อย่างไม่จำกัด- ตัวอักษรแบบกราฟฟิก (Graphic Text )
* ข้อดี                   
   + สามารถกำหนดลักษณะของตัวอักษรได้อย่างแน่นอน  ทั้งชนิด ขนาด สี    
 + ผู้ชมทุกคนจะมองเห็นตัวอักษรได้เหมือนกัน  โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวอักษรชนิดนั้นติดตั้งไว้ในเครื่อง     + สามารถสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเว็บได้จากรูปแบบของตัวอักษร
*ข้อเสีย    
+ ใช้เวลาในการ download มากกว่า    
+ ลำบากในการแก้ไขและเปลี่ยนแปลง    
+ ข้อความที่เป็นกราฟฟิกจะไม่สามารถค้นหาได้ด้วย  search engine
  • ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
- ความเร็วของอินเตอร์เน็ตจะมีผลต่อเวลาที่ใช้ในการแสดงผลของเว็บ- ความเร็วของอินเตอร์เน็ตมีหลายระดับ
* ผู้ใช้ตามบ้านส่วนใหญ่จะใช้ความเร็ว 56 Kbps       
* ในหน่วยงานบางแห่งอาจใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง  เช่น ADSL , Cable , modem ซึ่งมีความเร็วตั้งแต่  128  Kbps จนถึง 10 Mbps
- สิ่งที่เราสนใจในการออกแบบเว็บเพจให้ผู้ชมส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงเว็บได้อย่างรวดเร็ว
- ในฐานะผู้ออกแบบเว็บไซต์จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายที่จะต้องออกแบบเว็บให้สวยงาม  น่าสนใจ  และดาวน์โหลดได้เร็ว  โดยทำไฟล์มีขนาดเล็กที่สุด
  • ขนาดหน้าต่างเบราเซอร์
- ขนาดหน้าต่างของเบราเซอร์มีโอกาสที่ถูกปรับเปลี่ยนเป็นขนาดเท่าไหร่ก็ได้ตามความประสงค์ของผู้ใช้
- คำถามคือ เว็บเพจควรถูกออกแบบให้มีขนาดคงที่ตายตัว  หรือเป็นแบบที่มีขนาดเปลี่ยนแปลงไปตามขนาดหน้าต่างเบราเซอร์
- ออกแบบเว็บเพจให้เปลี่ยนแปลงขนาดได้ ( Flexible Design )               
 * เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงขนาดหน้าต่างเบราเซอร์  องค์ประกอบทั้งหมดจะมีการจัดเรียงตัวกันใหม่  ตามขนาดพื้นที่ใหม่
- ข้อดี               
 * พื้นที่หน้าจอทั้งหมดถูกใช้อย่างเต็มที่              
  * เว็บเพจจะถูกจัดเรียงในรูปแบบที่เหมาะสมกับหน้าจอเสมอ
-ข้อเสีย               
* ไม่สามารถคาดการณ์รูปแบบที่จะปรากฏต่อสายตาผู้ชมได้               
 * เนื่องจากมีการจัดรูปแบบใหม่ จึงทำให้เสียรูปแบบหน้าจอที่ออกแบไว้เดิม                               
 - www.google.com,www.gmail.com                      
  - ตัวอย่างคำสั่ง HTML ที่ใช้ในการสร้างตาราง 2 คอลัมน์ที่มีขนาดเป็นสัดส่วนกับพื้นที่หน้าจอ
<TABLE BORDER=1 WIDTH=100%><TR>                                      
 <TD WIDTH=25%>left column </TD>                                   
   <TD WIDTH=75%>right column </TD>                              
  <TR>                      
          </TABLE>
- ออกแบบเว็บเพจให้มีขนาคงที่ ( Fixed Design )                                               
 *รูปแบบนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมโครงสร้างของหน้าเว็บให้คงที่เสมอ                               
 - ข้อดี                                               
  * เว็บเพจจะปรากฏต่อสายตาผู้ใช้เป็นรูปแบบเดียวกันเสมอ              
  * สามารถควบคุมความยาวของตัวอักษรในบรรทัดได้ดี  ทำให้ตัวอักษรไม่ยาวจนเกินไปในหน้าจอที่มีขนาดใหญ่มาก
- ข้อเสีย               
 * ต้องอาศัย scroll bar ในการเลื่อนดูข้อมูล
- www.sanook.com , www.manager.co.th
- ตัวอย่างคำสั่ง HTML ที่ใช้ในการสร้างตาราง 2 คอลัมน์ให้มีความกว้างแน่นอน
<TABLE BORDER=1 WIDTH=100%><TR>                                      
 <TD WIDTH=150%>left column </TD>                                     
 <TD WIDTH=450%>right column </TD>                               
 <TR>                               
 </TABLE>               
 - ตัวอย่างคำสั่ง  HTML ที่ใช้ในการสร้างตาราง 2 คอลัมน์  โดยกำหนดให้คอลัมน์ทางซ้ายมีขนาดคงที่  แต่ขนาดของคอลัมภ์ทางขวาสามารถเปลี่ยนแปลงตามพื้นที่เบราเซอร์
<TABLE BORDER=1 WIDTH=100%><TR>                                       
<TD WIDTH=150%>left column </TD>                                      
<TD> right column </TD>                               
<TR>                               
</TABLE>
  • ความสว่างและค่าความต่างของโทนสี
- นอกเหนือจากค่าแกมม่าที่มีผลต่อความสว่างของหน้าจอแล้ว  ตัวผู้ใช้เองยังสามารถปรับระดับความสว่าง  ( Brightness ) และความสว่างของโทนสี  ( Contrast ) จากมอนิเตอร์ได้- ผู้ออกแบบเว็บเพจต้องระวังไม่ให้หน้าเว็บมีโทนสีมืดหรือสว่างจนเกินไป  และควรเลือกใช้โทนสีที่ต่างกันพอสมควร 
 
*
 
  เลือกใช้สีสำหรับเว็บไซต์ 
- สีสันในเว็บเพจเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการดึงดูดความสนใจของผู้ใช้  เนื่องจากสิ่งแรกที่ผู้ใช้มองเห็นจากเว็บก็คือสี  ซึ่งเป็นสิ่งกำหนดบรรยากาศและความรู้สึกโดยรวมของเว็บไซต์- เราสามารถใช้สีได้กับทุกองค์ประกอบของเว็บเพจ  ตั้งแต่รูปภาพ  ตัวอักษร  สีพื้นหลัง  การใช้สีที่เหมาะสมจะช่วยในการสื่อความหมายของเนื้อหา
- การใช้สีพื้นใกล้เคียงกับสีตัวอักษร  บางครั้งอาจสร้างความลำบากในการอ่าน- การใช้สีที่มากเกินความจำเป็นอาจสร้างความสับสนให้กับผู้อ่านได้
-  การใช้สีที่กลมกลืนกันช่วยให้เว็บไซต์น่าดูชมมากยิ่งขึ้น                               
ประโยชน์ของสีในเว็บไซต์
- สามารถชักนำสายตาผู้อ่านให้ไปยังทุกบริเวณในหน้าเว็บเพจที่ต้องการได้  เช่น  ข้อมูลใหม่  หรือโปรโมชั่นพิเศษ- สีช่วยเชื่องโยงบริเวณที่ได้รับการออกแบบเข้าด้วยกัน
- สีสามารถนำไปใช้ในการแบ่งบริเวณต่างๆออกจากกัน
- สีสามารถใช้ในการดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน
- สีสามารถสร้างอารมณ์โดยรวมของเว็บเพจ
- ช่วยสร้างระเบียบให้กับข้อความต่างๆ เช่น ใช้สีแยกระหว่างหัวเรื่องกับเนื้อเรื่อง
- สามารถส่งเสริมเอกลักษณ์ขององค์กรหรือหน่วยงานนั้นๆ 
ความรู้เบื้อต้นเกี่ยวกับสี
- มีสีขั้นต้น  ( Primary  color )               
 * สีแดง               
* สีเหลือง                
* สีน้ำเงิน
- สีขั้นที่  2
- สีขั้นที่  3
- สีขั้นที่  4                
การผสมสี  ( Color Mixing )- การผสมสีแบบบวก  ( Additive mixing )  จะเป็นรูปแบบการผสมของแสง  ไม่ใช่การผสมของวัตถุที่มีสีบนกระดาษ
- การผสมสีแบบลบ  ( Subtractive mixing )  การผสมสีแบบนี้ไม่เกี่ยวข้องกับแสง  แต่เกี่ยวกับการดูดกลืนและสะท้อนแสงของวัตถุต่างๆ- การนำไปใช้งาน               
* การผสมสีแบบบวก  จะนำไปใช้ในสื่อใดๆที่ใช้แสดงออกมา  เช่น  จอโปรเจคเตอร์  ทีวี  หรือจอมอนิเตอร์               
* การผสมสีแบบลบ  จะนำไปใช้ในสื่อที่เกี่ยวข้องกับการใช้วัตถุมีสี  เช่น  ภาพวาดของศิลปิน  รูปปั้น  หรือ  สิ่งพิมพ์ต่างๆ                
วงล้อสี  ( Color  Wheel )- เป็นรูปแบบหนึ่งในการจัดเรียงสีทั้งหมดไว้ในวงกลม  และเป็นการจัดลำดับเฉดสีอย่างมีเหตุผลและง่ายต่อการนำไปใช้               
 * วงล้อสีแบบลบ  ( Subtractive Color Wheel )               
 * วงล้อแบบบวก  ( Additive  Color  Wheel )                
สีที่เป็นกลาง  ( Neutral  Colors )
- คือสีกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในวงล้อสี  เพราะเป็นสีที่ไม่ได้รับอิทธิพลมาจากสีอื่น  ซึ่งก็คือ  สีเทา , ขาว , ดำ                
สีอ่อน  สีเข้ม  และโทนสี  ( Tint , Shade and Tone )
- ในการผสมสีกลางเข้าสีบริสุทธิ์  จะเกิดเป็นสีต่างๆจำนวนมากมาย               
* สีบริสุทธิ์ผสมกับสีขาว  จะได้เป็นสีอ่อน  ( tint of  the hue )               
 * สีบริสุทธิ์ผสมกับสีเทา  จะได้เป็นโทนสีระดับต่างๆ ( tone of the hue )               
* สีบริสุทธิ์ผสมกับสีดำ จะได้เป็นสีเข้ม  ( Shade  of  the  hue )- สีอ่อน  สีเข้ม  และโทนสีมีประโยชน์อย่างมากในการจัดชุดของสี  เพราะทำให้สีสีหนึ่งสามารถแสดงออกและให้ความรู้สึกได้หลายแบบยิ่งขึ้น                
ความกลมกลืนของสี  ( Color  Harmony )
-  ความเป็นระเบียบของสี  ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงสมดุลและความสวยงามในเวลาเดียวกัน               
* การใช้สีที่จืดชืดเกินไป  จะทำให้เกิดความรู้สึกที่น่าเบื่อ  และไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากผุ้ชมได้               
 * การใช้สีที่มากเกินไป  ก็จะดูวุ่นวาย  ขาดระเบียบ  และอาจสร้างความสับสนให้กับผู้ชม- เป้าหมายในเรื่องสี  คือ   การนำเสนอเว็บไซต์โดยใช้ชุดสีในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่าย  น่าสนใจ  และสื่อความหมายได้อย่างเหมาะสม                
 รูปแบบชุดสีพื้นฐาน ( Simple Color Schemes )- ชุดสีที่ถูกจัดกลุ่มอย่างเข้ากันด้วยรูปแบบต่างๆ               
* ชุดสีร้อน  ( Warm  Color  Scheme )  ประกอบด้วยสีม่วงแกมแดง  , แดงแกมม่วง , แดง , ส้ม , เหลือง และเขียวอมเหลือง  สีเหล่านี้สร้างความรู้สึกอบอุ่น  สบาย  และรู้สึกต้อนรับแก่ผู้ชม               
 * ชุดสีเย็น  ( Cool Color Scheme )  ประกอบด้วยสีม่วง , สีน้ำเงิน , สีน้ำเงินอ่อน , ฟ้า , น้ำเงินแกมเขียว  และ สีเขียว  ชุดสีเย็นหึความรู้สึกเย็นสบาย  องค์ประกอบที่ใช้สีเย็นจะดูสุภาพ  เรียบร้อย              
  * ชุดสีแบบเดียว  ( Monochromatic Color scheme )  เป็นรูปแบบชุดสีที่ง่าย  คือมีค่าของสีบริสุทธิ์เพียงสีเดียว  แต่เพิ่มความหลากหลายโดยการเพิ่มความเข้ม  อ่อน  ในระดับต่างๆ  ชุดสีแบบนี้ค่อนข้างจะมีความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว  แต่ในบางครั้งอาจทำให้ดูไม่มีชีวิตชีวา  เพราะขาดความหลากหลายของสี               
* ชุดสีที่คล้ายคลึงกัน  ( Analogous Color Scheme )  ประกอบด้วยสี 2 หรือ 3 สีที่อยู่ติดกันในวงล้อ  สามารถเพิ่มเป็น 4 หรือ 5 สีได้  แต่อาจส่งผลให้ขอบเขตของสีกว้างไป               
* ชุดสีตรงข้าม  ( Complementary Color Scheme )  คือ  สีคู่ที่อยู่ตรงข้ามกันในวงล้อ  เมื่อนำสีทั้งสองมาใช้คู่กันจะทำให้สีทั้งสองมีความสว่างและสดใสมากขึ้น               
 * ชุดสีตรงข้ามข้างเคียง  ( Split  Complementary  Color  Scheme )  เป็นชุดสีที่เปลี่ยนแปลงมาจากชุดสีตรงข้าม  ชุดสีแบบนี้มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น  แต่จะมีผลให้ความสดใส  ความสะดุดตา  และความเข้ากันของสีลดลงด้วย               
* ชุดสีตรงกันข้ามข้างเคียงทั้ง  2  ด้าน  ( Double  Split  Complementary  color  Scheme )  ดัดแปลงมาจากชุดสีตรงกันข้ามเช่นกัน  แต่สีตรงข้ามทั้ง  2  สีถูกแบ่งแยกเป็นสีด้านข้างทั้ง  2  ด้าน  ชุดสีแบบนี้มีความหลากหลายของสีที่มากขึ้น  แต่จะมีความสดใสและความกลมกลืนของสีที่ลดลง 
ผลทางจิตวิทยาที่มีต่อสี  ( Color  Psychology )
- มนุษย์เราตอบสนองต่อสีด้วยจิตใจ  ไม่ใช่สมอง  เช่นสีบางสีอาจทำให้รู้สึกสดชื่น  แต่บางสีทำให้รู้สึกซึมเศร้าได้
- ดังนั้นหากเราเลือกสีอย่างรอบคอบ  และความเข้าใจเกี่ยวกับจิตวิทยาของสีเบื้องต้นก็จะทำให้เราเลือกใช้ชุดสีได้อย่างเหมาะสมกับอารมณ์  เนื้อหาของเว็บไซต์                
สีกับอารมณ์  ความรู้สึก  และความสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆ
- สีแดง  อันตราย- สีน้ำเงิน  เทคโนโลยี- สีเขียว  ธรรมชาติ - สีเหลือง  แสงอาทิตย์ , ฤดูร้อน
- สีส้ม  กระตุ้นต่อมหิว  เกี่ยวกับอาหาร
-  สีน้ำตาล  โลก  พื้นดิน- สีเทา  บ่งบอกถึงความเรียบง่าย
- สีขาว  ความเรียบง่าย  สุภาพ- สีดำ  หดหู่ , เศร้า , ไว้อาลัย                
ข้อคิดเกี่ยวกับการใช้สีในเว็บไซต์
- ใช้สีอย่างสม่ำเสมอ- ใช้สีอย่างเหมาะสม- ใช้สีเพื่อสื่อความหมาย               
ตัวอย่างการใช้สี
 
 

ออกแบบกราฟฟิกสำหรับเว็บไซต์
 
 
-  กราฟฟิกเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งของเว็บเพจ  ช่วยสื่อความหมายสร้างความเข้าใจให้กับผุ้ใช้  รวมทั้งช่วยสร้างความสวยงามให้เว็บไซต์น่าดูยิ่งขึ้น
-  ปัญหาที่มักเกิดขึ้นกับการสร้างกราฟฟิกคือ  การเลือกใช้รูปแบบกราฟฟิกที่ไม่เหมาะสมกับลักษณะของรูป  โดยไม่รู้จักความแตกต่างของรูปแบบกราฟฟิก  ส่งผลให้รูปที่ได้มีลักษณะไม่สมบูรณ์และมีไฟล์ใหญ่เกินความจำเป็น
                รูปแบบกราฟฟิกสำหรับเว็บ   ( GIF , JPG , และ PNG)
- GIF ย่อมาจาก Graphic Interchange Format
                - ได้รับความนิยมในยุคแรก
                -  มีระบบเสียงแบบ  Index ซึ่งมีข้อมูลสีขนาด 8 บิต ทำให้มีสีมากสุด  256 สี
                -  มีการบีบอัดข้อมูลตามแนวของพิกเซล  เหมาะสำหรับกราฟฟิกที่ประกอบด้วยสีพื้น
-  JPG  ย่อมาจาก  Joint Photographic Experts Group
                - มีข้อมูลสีขนาด  24  บิต  (True Color) สามารถแสดงสีได้ถึง  16.7  ล้านสี
                -  ใช้ระบบการบีบอัดที่มีลักษณะที่สูญเสีย  (lossy)
                -  ไฟล์ประเภทนี้ควรนำไปใช้กับรูปถ่ายหรือกราฟฟิกที่มีการไล่ระดับสีอย่างละเอียด
- PNG  ย่อมาจาก  Portable  Network  Graphic
                -  สามารถสนับสนุนระบบสีได้ทั้ง  8  บิต  16  บิต  และ  24  บิต
                -  มีระบบการบีบอัดแบบ  Deflate  ที่ไม่ทำให้เกิดการสูญเสีย  (lossless)
                -  มีระบบการควบคุมแกมม่า  (Gamma)  และความโปร่งใส  (Transparency)  ในตัวเอง
               
                ระบบการวัดขนาดของรูปภาพ
-  รูปภาพใช้หน่วยวัดขนาดตามหน้าจอมอนิเตอร์  นั่นก็คือหน่วยพิกเซล  ซึ่งจะมีประโยชน์ในการเปรียบเทียบขนาดของกราฟฟิกกับองค์ประกอบอื่นๆในหน้าเว็บ  รวบถึงขนาดของหน้าต่างเบราเซอร์
-  ระบบความละเอียดของรูปภาพที่แสดงผลบนจอมอนิเตอร์ควรใช้หน่วย  pixel  per  inch  (ppi)
-  แต่ในทางการใช้งานจะนำหน่วย  dot  per  inch  (dpi)  ซึ่งเป็นหน่วยวัดความละเอียดของสิ่งพิมพ์มาใช้งานแทน  ppi
-  ความละเอียดของรูปภาพที่ใช้ในเว็บไซต์ควรมีความละเอียดแค่  72  ppi ก็เพียงพอแล้ว
-  ปัจจุบันมีโปรแกรมหลายประเภทที่นำมาใช้ในการสร้างกราฟฟิกสำหรับเว็บ
                * Adobe  Photoshop  เป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
                * Adobe  ImangeReady  ลักษณะหน้าตาและเครื่องมือคล้ายคลึงกับ  Photoshop  แต่จะถูกพัฒนาข้นเพื่องานกราฟฟิกโดยเฉพาะ   เพิ่มความสามารถในการสร้าง  animation  ได้
                * Firework  มีคุณสมบัติในการตกแต่งตัวอักษรกราฟฟิกที่เห็นผลทันที  การแสดงค่าของสีในระบบเลขฐานสิบหก  การสร้างภาพเคลื่อนไหว  การตัดแบ่งภาพให้มีขนาดเล็กๆสำหรับไฟล์  HTML
-  ค่าพื้นฐานที่สามารถเลือกปรับได้คือ  รูปแบบไฟล์ , ชุดสีที่ใช้ , จำนวนสี , ระดับความสูญเสีย , ความโปร่งใสและสีพื้นหลัง
 
                กราฟฟิกรูปแบบ  GIF
-  มีไฟล์นามสกุลเป็น  .gif
-  ลักษณะเด่นของ  GIF  คือการไม่ขึ้นกับระบบปฏิบัติการใดๆ
-  GIF  เป็นกราฟฟิกประเภทเดียวที่ไม่สามารถนำไปใช้เบราเซอร์ทุกชนิด  โดยไม่ต้องคำนึงถึงเวอร์ชันใดๆ
-  GIF  มีคุณสมบัติในการเคลื่อนไหว
-  GIF  มีระบบสีแบบ  Index  เก็บข้อมูลสีได้สูงสุด  8  bit
-  คุณสมบัติ  Interlacing  คือการบันทึกไฟล์  GIF  เป็น  4  ระดับ  คือ  ที่คุณภาพ  12.5% , 25% , 50% , 100%  ตามลำดับ
                * ข้อดี  คือผู้ใช้เห็นภาพที่กำลังดาว์นโหลดอยู่มีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
                * ข้อเสีย  คือขนาดไฟล์จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
-  ระบบการบีบอัดข้อมูลของ  GIF
*  GIF  มีการบีบอัดข้อมูลแบบไม่สูญเสีย  (Lossiess)  หมายความว่าจะไม่มีการสูญเสียข้อมูลภาพจากการบีบอัด
*  GIF  ใช้การบีบอัดที่เรียกว่า  LZW (Lempei-Ziv-Weleh)  ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่ใช้ในโปรแกรม  Zip  โดยใช้ประโยชน์จากการจากความซ้ำซ้อนของข้อมูล
-  คุณสมบัติในการเคลื่อนไหว  (Animated  GIF)
                *  รูปที่ประกอบด้วยหลายๆเฟรมในรูปเดียวกัน  เมื่อมีการแสดงผลจะเห็นรูปมีการเปลี่ยนแปลงตามเฟรมต่างๆที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง
                *  ข้อดี  ของ Animated  GIF  คือไม่ต้องอาศัย  plug-in  ใดๆเนื่องจากเบราเซอร์สนับสนุนคุณสมบัตินี้
-  ข้อคิดในการใช้  Animated  GIF
                *  ใช้ภาพเคลื่อนไหวในจุดที่ต้องการให้ผู้ชมสนใจมากที่สุด
                *  ไม่ควรใช้ภาพเคลื่อนไหวมากเกินไป  จะทำให้ผู้ใช้สับสน
                *  ทำให้ภาพเคลื่อนไหวนั้นโหลดได้เร็ว
-  เราสามารถใช้โปรแกรมสร้าง  Animated  GIF  ได้หลายโปรแกรม  เช่น  ImageReady , Firework , GifBuilder  เป็นต้น
-  ค่าต่างๆที่สามารถกำหนดได้ในการออกแบบ  Animeted  GIF 
                *  จำนวนรอบของการแสดงผล
                *  เวลาที่ใช้ในแต่ละเฟรม
                *  ชุดสีที่ใช้
                *  ความโปร่งใส
                *  ลักษณะการแสดงรูปเป็นลำดับขั้น  (Interlacing)
 การลดขนาดไฟล์  GIF
-  จำกัดขนาดของกราฟฟิก
                *  พยายามลดขนาดรูปหรือกราฟฟิกให้เล็กไว้เสมอ
                *  ตัดเอาบางส่วนของรูปที่ไม่มีความจำเป็นออกไป
                *  ใช้กราฟฟิกขนาดเล็กหลายๆรูปรวมกัน  แทนที่จะใช้กราฟฟิกขนาดใหญ่เพียงรูปเดียว
-  ออกแบบโดยใช้สีพื้นๆเข้าไว้
                *  เลือกใช้สีพื้นๆที่ไม่ซับซ้อน  แทนที่จะเป็นการไล่สีจากสีหนึ่งไปอีกสีหนึ่ง
                *  จำกัดปริมาณของส่วนที่มีลักษณะของรูปภาพหรือภาพ่ายในไฟล์  GIF
-  ลดจำนวนสีที่ใช้ลง
                *  แม้ว่ากราฟฟิกรูปแบบ  GIF  มีระบบสี  8  บิต  แต่เราไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งหมดที่มีอยู่ก็ได้
-  ออกแบบลวดลายตามแนวนอน
                *  รูปลักษณะเดียวกัน  2  รูป  รูปที่มีลวดลายตามแนวนอนจะมีขนาดไฟล์เล็กกว่า
 
                กราฟฟิกรูปแบบ  JPEG
-  มีนามสกุลเป็น  .jpg  หรือ  .jpeg
-  ใช้วิธีการบีบอัดข้อมูลแบบ  JFIF  (JPEG  File  interchange  format)
-   ไฟล์ประเภท  JPEG  ไม่ยึดติดกับระบบปฏิบัติการใดๆและสามารถใช้ได้กับเบราเซอร์ทั้ง  Netscape  และ  IE  version  2  เป็นต้นไป
-  ใช้ระบบสีขนาด  24  บิต  ซึ่งจะให้สีสมจริงมากถึง  16.7  ล้านสีส่งผลให้ได้รูปที่มีคุณภาพสูง
-  ระบบการบีบอัดข้อมูลในไฟล์  JPEG
                *  เป็นการบีบอัดแบบ  lossy  คือสูญเสียรายละเอียดบางส่วนของภาพไป
                *  อาศัยประโยชน์จากการที่สายตาคนเราสามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆในบริเวณกว้างๆได้ดีกว่าการเปลี่ยนแปลงในบริเวณแคบๆ
                *  ใช้วิธีเก็บข้อมูลความสัมพันธ์ของสีและความสว่างในรูปเหลี่ยมขนาด  8*8  พิกเซลให้อยู่ในรูปแผนภาพความถี่  โดยมีระบบ  Discrete  Cosine  Transform(DCT)  แบ่งแยกข้อมูลที่มีความถี่สูงและต่ำออกจากกัน  จากนั้นข้อมูลบางส่วนในความถี่สูงจะถูกตัดไป  จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระดับคุณภาพ
                *  ประสิทธิภาพจะขึ้นอยู่กับการรวมกลุ่มของรายละเอียดในรูป  เช่น  ท้องฟ้า ( ความถี่ข้อมูลต่ำ )  จะบีบอัดได้ดีกว่าใบไม้ใบหญ้า  ( ความถี่ข้อมูลสูง )
                *  JPEG  สามารถบีบอัดข้อมูลในอัตราสูงตั้งแต่  10:1  จนถึง  20:1  โดยที่สายตามนุษย์ไม่อาจมองเห็นคุณภาพที่ลดลงแต่อย่างใด
-  การขยายข้อมูลของ  JPEG
                *  เนื่องจากข้อมูลถูกบีบอัดให้อยู่ในรูปของ  DCT  ดังนั้นเบราเซอร์ต้องทำการขยายข้อมูลก่อนแสดงผล  ดังนั้นเบราเซอร์จะใช้เวลาในการแสดงผลรูป  JPEG  มากกว่า  GIF
                *  เนื่องจากจำนวนบิตของสีไฟล์  JPEG  เป็น  24  บิตเสมอจึงไม่สามารถลดขนาดไฟล์โดยการลดจำนวนบิตของสีลงได้
                *  การลดขนาดไฟล์ทำได้โดยการบีบอัดในอัตราที่สูง  ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพที่ต้องการด้วย
 
                คำแนะนำในกระบวนการออกแบบกราฟฟิกสำหรับเว็บ
-  ออกแบบกราฟฟิกโดยใช้ชุดสีสำหรับเว็บ  (Web Palette)
-  เลือกใช้รูปแบบกราฟฟิกที่เหมาะสม  GIF  หรือ  JPEG
-  ตัดแบ่งกราฟฟิกออกเป็นส่วนย่อย  (Slices)
-  สามารถปรับแต่งชิ้นส่วนของกราฟฟิกได้ตามความเหมาะสมของแต่ละบริเวณ